มาตรฐานวิชาชีพจิตวิทยาคลินิก


มาตรฐานวิชาชีพจิตวิทยาคลินิก
(Professional Standards of Clinical Psychology)

ก่อนที่จะได้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติการทดสอบทางจิตวิทยา อย่างเป็นระบบและได้มาตรฐาน     นักจิตวิทยาคลินิกควรที่จะได้ทราบข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน  สิ่งสำคัญที่ควรทราบในเบื้องต้นเพื่อการปฏิบัติงานคือมาตรฐานวิชาชีพจิตวิทยาคลินิก (Professional Standards of Clinical Psychology)

มาตรฐานวิชาชีพจิตวิทยาคลินิก   (Professional Standards of Clinical Psychology)
                งานด้านจิตวิทยาคลินิก  นับว่ามีความสำคัญต่อความเป็นอยู่และสุขภาพจิตที่ดีของมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง  การช่วยเหลือเอื้ออำนวยมนุษย์ให้ปรับตัวปรับใจและมีสุขนั้น  เป็นบริการที่ต้องใช้วิชาการ  จึงต้องรอบคอบระมัดระวังและละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก  งานทางวิชาชีพจิตวิทยาคลินิกเป็นงานที่ผู้ปฏิบัติได้รับความไว้วางใจจากผู้มารับบริการ  สังคม  และผู้บริหารอย่างเต็มที่   ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานจึงต้องธำรงความรับผิดชอบไว้อย่างสูงตามมาตรฐานวิชาชีพจิตวิทยาคลินิก      การปฏิบัติงานด้านการทำทดสอบทางจิตวิทยาถือเป็นงาน
หลักที่สำคัญอย่างหนึ่งของนักจิตวิทยาคลินิก                นักจิตวิทยาคลินิกจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน
วิชาชีพ  2 ประการ ดังนี้คือ
                มาตรฐานที่ 1  จรรยาวิชาชีพนักจิตวิทยาคลินิก (Ethical Principles of Clinical Psychologist)
                มาตรฐานที่ 2  การตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychological Assessment)

 มาตรฐานที่ 1  จรรยาวิชาชีพนักจิตวิทยาคลินิก (Ethical Principles of Clinical Psychologist)
                สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการปฏิบัติงานของนักจิตวิทยาคลินิกคือ การปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์จรรยาบรรณสำหรับนักจิตวิทยาคลินิก  ซึ่งความรู้เรื่องจรรยาบรรณนี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญในการตัดสินใจเลือกปฏิบัติงานที่เหมาะสมได้ด้วยความมั่นใจ  สบายใจ  และปลอดภัยเป็นรากฐานที่มั่นคง  ความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพมิได้อยู่ที่ความรู้ด้านทฤษฎีเป็นเลิศอย่างเดียวเท่านั้น    แต่ยังต้องประกอบด้วยการปฏิบัติงานที่งดงามด้วยคุณธรรม  เพื่อยังประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค  ผู้เกี่ยวข้อง  และความเป็นสุขของคนในสังคมด้วย  นักจิตวิทยาคลินิกจึงต้องปฏิบัติงานตามมาตรฐานด้านจรรยาบรรณวิชาชีพดังนี้

มาตรฐานเชิงกระบวนการปฏิบัติงาน
มาตรฐานเชิงผลลัพธ์
1.  การปฏิบัติงานตามหลักวิทยาศาสตร์
     ในฐานะที่นักจิตวิทยาคลินิกเป็นนักวิทยาศาสตร์  ต้องมีความรับผิดชอบสูง  ประกอบกรเต็มกำลังสติปัญญา  เลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมตามควรแก่กรณี     ให้เกิดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด    เพื่อป้องกันผลที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้อื่น
2.  ความรับผิดชอบและมาตรฐานความรู้ในวิชาชีพ
     ต้องปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ 
ว่าด้วยมาตรฐานความรู้ในวิชาชีพ อย่างเคร่งครัดทุก
ประการ ระมัดระวังไม่กระทำการใด ๆ ที่จะเป็นเหตุให้สังคมส่วนรวมเสื่อมความศรัทธาต่อวิชาชีพของตน  มีการศึกษาใฝ่หาความรู้เต็มที่  ทันต่อเหตุการณ์ตลอดเวลา
 3.  ทักษะการปฏิบัติงาน
       ต้องมีทักษะความสมารถ       ในการปฏิบัติงานจิตวิทยาคลินิกที่รักษามาตรฐานของตนไว้ในระดับ
สูง        เพื่อประโยชน์สุขของสังคมและวิชาชีพทางจิตวิทยา          ด้วยการหมั่นศึกษาหาความรู้ที่ทันต่อเหตุการณ์      ทั้งส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์และวิชาชีพ  ในขณะเดียวกัน        ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านความ
สามารถและวิธีการที่จะนำไปใช้ด้วย     นักจิตวิทยา
คลินิกจะลงมือปฏิบัติงานหรืองานสอนให้ผู้อื่นก็ต่อ
มาตรฐานเชิงกระบวนการปฏิบัติงาน

ผู้ใช้บริการได้รับผลที่ตรงต่อความเป็นจริง





ผลจากการปฏิบัติทางจิตวิทยาคลินิก      เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่เชื่อถือของสังคม       และเป็นหลักฐาน
ทางกฎหมายและราชการได้




ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์และสวัสดิภาพ     อย่างเต็มที่






มาตรฐานเชิงผลลัพธ์                                                      
เมื่อได้รับการฝึกฝน            และมีประสบการณ์จนมีคุณสมบัติพอเพียง        ซึ่งนักจิตวิทยาคลินิกพึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเสมอ
4.  หลักศีลธรรมและกฎหมาย
     นักจิตวิทยาคลินิกต้องประพฤติตนตามศีลธรรม
และกฎหมายเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในสังคม    และ
ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบในวิชาชีพของตน 
ต้องระมัดระวังในการกระทำ ที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์มาตรฐาน       ความประพฤติของสังคมในลักษณะหรือรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ครู ลูกจ้างหน่วยงาน ฯ       ที่ไม่ขัดต่อมาตรฐานทางศีลธรรม  กฎหมายและหลักจรรยาวิชาชีพ
5.  การโฆษณาประชาสัมพันธ์
      การประกาศ    โฆษณา      แถลงข่าวบริการและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมงานจิตวิทยาคลินิก  ควรทำด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้คนอื่นในสังคมได้ข้อมูลมาประกอบการพิจารณาเลือกสิ่งที่เหมาะสม     ในการให้ข้อมูลข่าวสารใด ๆที่เกี่ยวข้องกับงานต้องกระทำ
อย่างถูกต้องเหมาะสม     และตรงตามความเป็นจริง  ให้สมกับคุณสมบัติทางวิชาชีพ    และหน้าที่การงาน
ในฐานะตัวแทนของหน่วยงาน
6.  การรักษาความลับ
      ต้องรักษาและเคารพในความลับของผู้ใช้บริการ  และจะบอกข้อมูลให้ผู้อื่นทราบได้        ต่อเมื่อได้รับอนุญาตเสียก่อน      ในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถอนุญาตด้วยตนเองได้ ต้องให้ผู้ปกครองหรือตัวแทน
ที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นผู้อนุญาต       ยกเว้นกรณี
พิเศษที่ถ้าไม่เปิดเผยความลับนี้แล้ว       จะทำให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่นก็ต้องบอกให้ผู้ใช้บริการทราบ
ล่วงหน้าว่านักจิตวิทยาคลินิกมีข้อจำกัดทางกฎหมาย

          


ผู้ใช้บริการต้องไม่ได้รับการกระทบกับสิทธิตามกฎหมาย    อันเป็นผลสืบเนื่องจากการให้บริการ
ทางจิตวิทยาคลินิก
  





ผู้ใช้บริการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนและทันต่อเหตุการณ์   ไม่ก่อให้เกิดความคาดหวังที่เกิน
จริง   ความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง  หรือความตื่นตระหนกต่อข่าวสารนั้น          





ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ    ได้รับการรักษาเป็นความลับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย



มาตรฐานที่ 2  การตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychological Assessment)
                นักจิตวิทยาคลินิกใช้ความรู้ทางวิชาการจิตวิทยาคลินิกในการปฏิบัติงานกับผู้ป่วยนอก  ผู้ป่วยใน  และบุคคลทั่วไปขององค์กรภาครัฐ / เอกชน  และชุมชนที่ยังมิได้เป็นปัญหา   เป็นลักษณะงานที่เน้นการศึกษาพฤติกรรมทั้งในส่วนที่เป็นศักยภาพ  กลไกที่มาหรือสาเหตุของปัญหาทางจิตเวช  สุขภาพจิต  และความผิดปกติอันสืบเนื่องมาจากพยาธิสภาพทางสมอง  ตลอดจนลักษณะบุคลิกภาพและระดับเชาวน์ปัญญา  โดยใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยาชนิดต่าง ๆ  รวมถึงกิจกรรมการตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิกในลักษณะอื่น ๆ เช่น  การสังเกตพฤติกรรม  และการสัมภาษณ์ทางจิตวิทยา   เพื่อรวบรวมข้อมูลประกอบการตรวจวินิจฉัย  การวิเคราะห์ผลการตรวจ  การประมวลผลและสรุปผลรายงานเพื่อการวินิจฉัย  การวางแนวทางการบำบัดทางจิตวิทยาและการพยากรณ์โรค    นักจิตวิทยาคลินิกจึงต้องปฏิบัติงานด้านการทำทดสอบทางจิตวิทยาตามมาตรฐานการตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก ดังนี้

มาตรฐานเชิงกระบวนการปฏิบัติงาน
มาตรฐานเชิงผลลัพธ์
1.  ศึกษาทะเบียนประวัติและใบปรึกษาโรค           เพื่อ
วางแผน และตัดสินใจเลือกเครื่องมือทดสอบทางจิตวิทยา    ให้เหมาะสมตามวัยและลักษณะอาการของผู้มาใช้บริการ
2.  เตรียมเครื่องมือทดสอบทางจิตวิทยาพร้อมอุปกรณ์
ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัย
3.  สร้างสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการ    เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ  และจูงใจให้ร่วมมือในการตรวจวินิจฉัย
4.  สังเกตพฤติกรรมและสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการ   เพื่อนำข้อมูลและพฤติกรรมการแสดงออกมาประกอบในการวิเคราะห์ผลการตรวจวินิจฉัย
5.  ทดสอบด้วยเครื่องมือทดสอบทางจิตวิทยา  อย่างใด
อย่างหนึ่ง  ดังต่อไปนี้
      5.1 แบบทดสอบเชาวน์ปัญญา
      5.2 แบบทดสอบบุคลิกภาพ
      5.3 แบบทดสอบจิตวิทยาเชิงประสาทวิทยา
      5.4 แบบทดสอบพัฒนาการเด็ก
      5.5 แบบทดสอบความบกพร่องทางการเรียน
      5.6 แบบทดสอบทางจิตวิทยาชนิดอื่น ๆ
1.  ผู้ใช้บริการเกิดความไว้วางใจ  มีสัมพันธภาพกับผู้ให้บริการ  และร่วมมือในกระบวนการตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก
2.  ผู้ใช้บริการได้รับรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาและ 
ศักยภาพของตนเอง
3.  ผู้ใช้บริการและผู้เกี่ยวข้องรับรู้แนวทางในการ
ปฏิบัติเกี่ยวกับการช่วยเหลือและบำบัดทางจิตวิทยาต่อไป
4.  มีบันทึกผลการตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก
ในแฟ้มประวัติการรักษาของผู้ใช้บริการ เพื่อใช้
อ้างอิงหรือส่งต่อให้ผู้เกี่ยวข้อง
5.นักจิตวิทยาได้ข้อมูลในการวางแผนในการบำบัด
ทางจิตวิทยา  และการดำเนินการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง






มาตรฐานเชิงกระบวนการปฏิบัติงาน
มาตรฐานเชิงผลลัพธ์
6.  วิเคราะห์และแปลผลการทดสอบทางจิตวิทยา     
โดยให้คะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานของเครื่องมือแต่ละชนิด  วิเคราะห์ผลร่วมกับการสังเกตพฤติกรรมและสัมภาษณ์
7.  ประชุมปรึกษาและตรวจสอบผลการทดสอบทางจิตวิทยากับนักจิตวิทยาคลินิกในหรือนอกหน่วยงาน (ในกรณีทีมีปัญหาในด้านกฎหมายหรืออื่น ๆ)
8.  เขียนรายงานตามแบบรายงานมาตรฐาน   ผลการตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยาคลินิก  ซึ่งได้จากการสังเกตพฤติกรรม  การสัมภาษณ์  การทดสอบทางจิตวิทยา  รวมทั้งข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับการวินิจฉัย  การบำบัดทางจิตวิทยา  และการพยากรณ์โรค
9.  ส่งผลการตรวจแก่ทีมงานสุขภาพจิตและ / หรือแจ้งผลการตรวจ  แนวทางการช่วยเหลือ  และการบำบัดทางจิตวิทยาแก่ผู้ใช้บริการและผู้เกี่ยวข้อง
10. เสนอผลการตรวจในที่ประชุมทีมสุขภาพจิตเพื่อตัดสินใจวางแผนการช่วยเหลือดำเนินการต่อไปในรายที่จำเป็น




 credit by     จินตนา  สิงขรอาจ